วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ฮา....กระจาย

http://



ที่มา:http://www.youtube.com

นิทรา...นิทรา


การนอนกหลับของหนุ่มๆ ในทุกค่ำคืน จะทำให้หลอดเลือดดำของเราเต็มไปด้วยฮอร์โมน ที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของมนุษย์ ทั้งยังช่วยเพิ่มจำนวนเซลล์ (T-cell) ซึ่งเป็นเซลล์เม็ดเลือดขาว ที่คอยปกป้องดูแลเราจากโรคต่างๆ อีกด้วย การนอนที่เพียงพอ สร้างประโยชน์ให้สมองของเราตื่นตัว ประมวลข้อมูลรวดเร็วขึ้น จำเรื่องต่างๆ ได้ดี และเชื่อมโยงสิ่งเหล่านั้นอย่างมีประสิทธิภาพ แล้วถ้าเราอดนอน หรือนอนไม่เพียงพอล่ะ ?
หนุ่มๆ บ้าพลังที่มักนอนเพียงวันละ 4-5 ชั่วโมง จะเกิดจากการดูกีฬา อ่านหนังสือ หรือเล่นอินเทอร์เน็ต ทำให้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อการเสื่อมสมรรถภาพโดยรวมของร่างกาย แต่หนุ่มๆ เหล่านั้นกลับไม่รู้ตัว!?
ทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียพบว่า กลุ่มคนที่นอนคืนละ 6 ชั่วโมง มีความตื่นตัวและความจำในระดับที่แย่พอๆ กับ กลุ่มที่ไม่ได้นอนเป็นเวลา 24 ชั่วโมง แต่กลุ่ม 6 ชั่วโมงนั้น ไม่ได้รู้สึกว่าง่วงมาก แม้ในตอนที่สมรรถภาพตกต่ำถึงขีดสุด การนอนไม่พอยังส่งผลให้เกิดการ "หลับใน" ขณะตื่นอีกด้วย สมองจะไม่ทำงานสม่ำเสมอ ยิ่งอดนอนมากเท่าไร การหลับในยิ่งเกิดขึ้นบ่อยและกินเวลานานขึ้นเท่านั้น วิธีแก้ไข
ก่อนอื่นต้องมาเช็คอาการกันก่อน โดยวันเสาร์-อาทิตย์ ให้หนุ่มเข้านอนตามเวลาปกติ แต่ไม่ต้องตั้งนาฬิกาปลุก ลองดูว่าจะตื่นในเวลาเดียวกันกับวันปกติหรือไม่ ถ้านอนเลยเวลาแปลว่า โชคดีที่แม้จะนอนน้อย แต่สุขภาพหนุ่มๆ ยังดีอยู่ (ส่วนน้อย)
แต่คนส่วนใหญ่ที่ตื่นไล่เลี่ยเวลาปกติ ต้องหาเวลานอนให้ได้วันละ 10 ชั่วโมง บ้างแล้ว จากนั้นต้องปรับตัวใหม่ พยายามนอนให้ได้วันละ 7-8 ชั่วโมง ให้ได้ทุกวัน จะช่วยให้ร่างกายกลับมามีประสิทธิภาพที่ดีอีกครั้ง ขณะเดียวกันการพักงีบหลับสัก 1-2 ชั่วโมง ในวันที่นอนไม่เพียงพอ ก็ช่วยให้ดีเช่นกัน

ที่มา : Men'sHealth Magazine

วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2552

KFC

พ่อของเขาเสียชีวิตตอนที่เขาอายุได้เพียงห้าขวบ เขาต้องออกจากโรงเรียนกลางคัน ขณะอายุ 16 ปี ตอนอายุ 17 ปี เขาแสดงความสามารถพิเศษด้วยการตกงานติดต่อกันถึง 4 ครั้ง เขาแต่งงานตอนอายุ 18 ปี ปีถัดมาเขาได้เป็นพ่อคน แต่ชีวิตคู่ของเขาก็มีความ สุขอยู่ได้ไม่นานนัก อายุ 20 ปี ภรรยาของเขาพาลูกสาวหนีไป เพราะทนใช้ชีวิตกับ เขาไม่ได้ ช่วงอายุ 18-22 ปี เขาประกอบอาชีพเป็นคนขายตั๋วรถไฟแล้วก็ล้มเหลว แต่เขาก็ยัง ต่อสู้กับชีวิตด้วยการหาโอกาสให้ชีวิต แต่ทุกอย่างที่เขาทำก็ไม่วายล้มเหลว เหมือนเดิม เขาสมัครเข้าเป็นทหารในกองทัพแต่ก็ถูกขับออกมา หันเหมาสมัครเข้าโรงเรียนกฎหมาย แต่ด้วยความสามารถอันเอกอุ เขาถูกปฏิเสธอย่างไม่ใยดี แล้วเขาก็ไปทำงานเป็นพนักงานขายประกัน แน่นอนที่สุด เขาล้มเหลวอีกครั้ง (แล้ว) แค่เกริ่นมาข้างต้นก็คงไม่ต้องบอกว่า ชายคนนี้ทำอะไรไม่ได้เรื่องเลยสักอย่าง ! แต่ก็อย่างว่าแหละ คนเราอะไรมันจะไม่ได้เรื่องไปเสียหมด สิ่งเดียวที่เขาพบว่า เขาทำได้ดีก็คือ การทำอาหาร ดังนั้นเขาจึงไปทำงานเป็นพ่อครัวและคนล้างจานในร้าน กาแฟเล็กๆ แห่งหนึ่ง แต่นั่นก็ไม่ใช่ชีวิตที่ทรงคุณค่าอะไรเลยในความคิดของเขา ชีวิตที่ร้านกาแฟ เขามีเวลามากมายที่จะนั่งคิดและทำอะไรได้มากพอสมควร แต่เขา กลับเลือกใช้เวลานั่งคิดถึงภรรยาและลูกสาวของเขา เขาเพียรพยายามติดต่อภรรยาและอ้อนวอนให้เธอกลับมาใช้ชีวิตร่วมกันอีกครั้ง แต่ได้รับคำปฏิเสธ เขาเปลี่ยนความ คิดใหม่ เขาไม่ต้องการภรรยาอีกต่อไป ขอเพียงแต่ได้ลูกสาวกลับคืนมาก็พอ เพราะเขา รักและคิดถึงเธอเหลือเกิน เขาใช้เวลาว่างในร้านกาแฟวางแผนในการนำลูกสาวกลับคืนมาสู่อ้อมอกของตน เขาวางแผน ทุกขั้นตอนละเอียดยิบ คำนวณทุกฝีก้าว ในที่สุดแผนการอันแสนยาวนานก็เสร็จสิ้นลง เมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ คุณพ่อวัยรุ่นผู้น่าสงสารซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้นอกบ้านหลังเล็กๆ ของภรรยาของ เขา เฝ้ามองลูกสาวของเขาเล่นอยู่หน้าบ้านและเตรียม พร้อมที่จะ "ลักพาตัวเธอ!" แล้ววันที่ตั้งใจไว้ก็มาถึง เขาซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้อย่างระมัดระวัง แม้จะรู้สึกกังวล ตื่นเต้น และตระหนก อยู่บ้าง แต่นั่นมิอาจเทียบได้กับความรักที่เขา มีต่อลูก เขาตัดสินใจที่จะต้องลงมือทำให้สำเร็จ แต่แล้วอนิจจา ... วันนั้นลูก สาวของเขาไม่ออกมาเล่นหน้าบ้านเลย แม้กระทั่งความพยายามในการก่ออาชญากรรม เขาก็ยังล้มเหลว เขารู้สึกเหมือนคนที่ พ่ายแพ้ต่อโชคชะตา รู้สึกเหมือนคนไม่มีค่า และเหมือนพระเจ้ากำหนดมาแล้วว่าเขาจะ ต้องอยู่เพียงลำพังไปตลอดชีวิต แต่เหมือนปาฏิหาริย์ ในที่สุดเขาก็สามารถโน้มน้าวภรรยาให้กลับมาอยู่ด้วยกันได้ พวกเขาทำงานด้วยกันในร้านกาแฟแห่งนั้น ทำอาหารและล้างจานอยู่จนกระทั่งเขาเกษียณ ตอนอายุ 65 ปี วันแรกของการเกษียณอายุ เขาได้รับเช็คเงินประกันสังคมฉบับแรกของเขา เป็นเงิน 105 ดอลลาร์ ( ราวสี่พันบาท) เช็คดังกล่าวเหมือนเป็นตัวแทนของรัฐที่ฝากมาบอกเขาว่า เขาไม่อาจจะดูแลตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว ทั้งหมดที่เขาทำได้ก็คือใช้ชีวิต อยู่จนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิตด้วยเงินสนับสนุนจากรัฐบาล มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขารู้สึกถูกปฏิเสธ ล้มเหลว เสียกำลังใจ และท้อแท้ ชีวิต ของเขาได้รับความผิดหวังอีกครั้งหนึ่งหลังจาก 65 ปีอันยาวนาน เขาบอกกับตัวเองว่าถ้าเขาดูแลตัวเองไม่ได้ ต้องมีชีวิตอยู่โดยให้รัฐบาลดูแล เขาก็ไม่สมควรจะมีชีวิตอีกต่อไป เขาตัดสินใจ (อีกแล้ว) ว่า " จะฆ่าตัวตาย " เขาหยิบกระดาษหนึ่งแผ่นกับดินสอหนึ่งแท่ง นั่งลงใต้ต้นไม้ในสวนหลังบ้านอย่างสงบ ตั้งใจที่จะเขียนคำสั่งเสียและพินัยกรรม แต่แทนที่จะทำเช่นนั้น กลับเหมือนมีอะไรมาดลใจ เหมือนเป็นครั้งแรกที่ชีวิตเกิดปัญญา เขาเริ่มต้นเขียนสิ่งที่เขาควรจะเป็น ชีวิตที่เขาควรจะมี และสิ่งที่เขาปรารถนาในช่วงชีวิตสุดท้ายที่ เหลืออยู่ เขาตกใจมาก เมื่อค้นพบความจริงในชีวิตว่า เขายังไม่เคยทำอะไรสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันกับเขาสัก อย่างเลย ! (เพิ่งนึกได้) เขานั่งครุ่นคิดกับตัวเองอย่างจริงจัง มีบางอย่างที่เขาสามารถทำได้ บางอย่างที่คนที่รอบตัวทำสู้เขาไม่ได้ ใช่ ! เขารู้วิธีปรุงอาหาร ชีวิตเกือบทั้งหมดของเขา อยู่ที่หน้าเตาร้อนๆ มาตลอด เขาตัดสินใจกับตัวเองอีกครั้ง ในที่สุดเขาเลือกที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อทำอะไรสักอย่างในชีวิตให้ประสบความสำเร็จ เขาตั้งใจว่าถ้าเขาจะตาย เขาก็อยากจะตายในแบบที่ได้ลองพยายามเป็นใครสักคน และทำบางสิ่งบางอย่างที่มีค่าด้วยชีวิตที่เหลืออยู่น้อยนิดของเขา เขาลุกจากเงาไม้ มุ่งหน้าไปยังธนาคารในเมือง เพื่อขอยืมเงินจำนวน 87 ดอลลาร์จากเช็คประกัน สังคมฉบับต่อไปของเขา ด้วยเงิน 87 ดอลลาร์นั้น เขาซื้อกล่องเปล่าและ ไก่จำนวนหนึ่ง จากนั้นเขาก็กลับไปที่บ้านและลงมือทอดไก่ที่ซื้อมาด้วยสูตรพิเศษที่เขาได้คิดค้นขึ้นมาในช่วงหลายปีที่ทำงาน ที่ร้านกาแฟนั้น เขาเริ่มขายไก่ทอดของเขาตามบ้านต่างๆ ในเมืองคอร์บิน รัฐเคนตั๊กกี้ของเขา แล้วคนขายไก่ทอดอายุ 65 ปีคนนั้นก็กลายมาเป็นผู้พันฮาร์แลนด์ แซนเดอร์ส ราชาผู้เป็นที่รักของอาณาจักร Kentucky Fried Chicken หรือที่เรารู้จักกันในนาม KFC นั่นเอง ตอนอายุ 65 ปี เขาเป็นเหมือนอนุสรณ์แห่งความล้มเหลวที่ยังมีชีวิต แต่ในวัย 85 ปี เขาก็กลายเป็นเศรษฐีพันล้านและมีชื่อเสียงไปทั่วโลก มีผู้คนให้เกียรติเขาทั่วประเทศ เรื่องราวชีวิตของผู้พันแซนเดอร ์ส เป็นอีกบทหนึ่งของเรื่องราวความสำเร็จ ที่ได้รับคำยกย่องจากผู้คนทั่วโลก แต่ใครจะรู้บ้างว่าหากใต้ต้นไม้วันนั้น ผู้พันแซนเดอร์สได้ทำตามที่เขาตั้งใจไว้แต่แรก ตำนานไก่ทอดสะท้านโลกก็คงจะไม่มีให้เราได้เห็นกัน จริงอย่างที่เขาว่า ความสำเร็จกับความล้มเหลวห่างกันเพียงแค่พลิกฝ่ามือ มันอยู่ที่ว่าคุณเลือกที่จะ "สู้ต่อ" หรือ "ยอมแพ้" สำหรับผู้พันแซนเดอร์ส 65 ปี ของชีวิตที่ล้มเหลว เทียบคุณค่าอะไรไม่ได้เลยกับ 20 ปีแห่งความสำเร็จ แล้วชีวิตของคุณหละ ล้มเหลวมากพอหรือยัง ?

ที่มา:นิตยสาร Financial Freedom

วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2552

อยากรู้จักใครสักคนต้องหัดเรียนรู้ไม่ใช่เปลี่ยนแปลง



การที่เราจะคบหาหรือรู้จักใครสักคน


ไม่ว่าจะในฐานะอะไรก็ตาม


สิ่งหนึ่งที่ควรท่อง ควรจำไว้อยู่เสมอก็คือ


“คน” เป็นสิ่งมีชีวิต ที่มีทั้งด้านบวก และด้านลบ อยู่ในนั้น


อย่าตั้งใจกับคน 1 คนมากเกินไป


เพราะไม่มีใครอยากเป็นต้นเหตุของความล้มเหลว


อย่าคาดหวังกับ คน 1 คนมากเกินไป


เพราะไม่มีใครสามารถเป็นทุกอย่าง ที่ทุกคนอยากให้เป็น


อย่าให้เวลากับคน 1 คนมากเกินไป


ไม่ว่าใครก็อยากมีช่วงเวลาของความเป็นส่วนตัว. . . คนเดียว ....


อย่าพยายามเปลี่ยนแปลงคน 1 คนมากเกินไป เ


เพราะนั่นจะทำให้เค้าไม่หลงเหลือความเป็นตัวของตัวเอง


ควบคุมชีวิตคน 1 คนมากเกินไป


เพราะมนุษย์มักจะหาวิธีการแทรกตัว เพื่อออกมาจากกฎที่ถูกกำหนด


อย่าบีบบังคับคน 1 คนมากไปกว่านี้


เพราะถ้าค! นๆนั้น หลุดจากภาวะบีบบังคับมาได้


คุณจะกลายเป็นคนที่ถูกหันหลังให้ในทันที


เธอ. . . ลองมองดูฉันดีๆ ฉันมีลมหายใจ


ไม่ใช่ภาพวาด ที่จะสวยงามอยู่ตลอดเวลา


ฉันเองก็เป็น “คน” เป็นสิ่งมีชีวิตที่มี 2 ด้าน. . . เช่นกัน


...อยากรู้จักใครสักคน ต้องหัดเรียนรู้ ไม่ใช่เปลี่ยนแปลง...


ที่มา :www.atcloud.com